ostracize ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึงอะไร

ความหมายของคำว่า ostracize ใน ภาษาอังกฤษ คืออะไร บทความอธิบายความหมายแบบเต็ม การออกเสียงพร้อมกับตัวอย่างสองภาษาและคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้ ostracize ใน ภาษาอังกฤษ

คำว่า ostracize ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ขับไล่, คว่ําบาตร, ไม่ยอมรับ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดดูรายละเอียดด้านล่าง

ฟังการออกเสียง

ความหมายของคำว่า ostracize

ขับไล่

verb

The village elders then reversed their decision to ostracize the Witnesses.
ครั้น แล้ว ผู้ เฒ่า ผู้ แก่ ของ หมู่ บ้าน จึง กลับ คํา ตัดสิน ที่ ให้ ขับ ไล่ พวก พยาน ฯ.

คว่ําบาตร

verb

ไม่ยอมรับ

verb

ดูตัวอย่างเพิ่มเติม

(Acts 8:1) They persevered, often in the face of ostracism by family and friends.
(กิจการ 8:1) แม้ ว่า จะ ถูก เพื่อน และ คน ใน ครอบครัว ตัด ขาด พวก เขา ก็ ยัง คง อด ทน.
When Jacob learned of his sons’ actions, he rebuked them, saying: “You have brought ostracism upon me in making me a stench to the inhabitants of the land, . . . and they will certainly gather together against me and assault me and I must be annihilated, I and my house.”
เมื่อ ยาโคบ รู้ ว่า ลูก ชาย ได้ ทํา อะไร ลง ไป ท่าน ก็ ตําหนิ พวก เขา ว่า “เจ้า กระทํา ให้ เรา ลําบาก ใจ, และ ให้ ชาว เมือง คะนาอัน กับ ชาติ ฟะริซี เกลียด ชัง เรา . . . เขา ทั้ง หลาย จะ รุม กัน มา ฆ่า พวก เรา เสีย, จะ ทํา ให้ เรา และ ครอบครัว เรา พินาศ เสีย หมด.”
When Jacob’s two sons brought ostracism upon the family because of their cruel deed, Jacob cursed their violent anger, not the sons themselves. —Genesis 34:1-31; 49:5-7.
เมื่อ ลูก ชาย สอง คน ของ ยาโคบ ทํา ให้ ครอบครัว เสีย ชื่อเสียง เนื่อง จาก การ กระทํา ที่ โหด เหี้ยม ของ เขา ยาโคบ ได้ สาป แช่ง ความ โกรธ แค้น อย่าง บ้า ระห่ํา ของ ลูก ชาย ไม่ ใช่ ตัว ลูก ชาย.—เยเนซิศ 34:1-31; 49:5-7.
Although his anti-Trinitarian views were akin to Whiston’s, Newton did not speak out for his friend and eventually ostracized him.
ถึง แม้ แง่ คิด ที่ ไม่ เห็น ด้วย กับ เรื่อง ตรีเอกานุภาพ ของ นิวตัน เป็น เช่น เดียว กับ แง่ คิด ของ วิสตัน เขา ก็ ไม่ ได้ พูด ออก มา เพื่อ สนับสนุน เพื่อน ของ เขา และ ใน ที่ สุด ก็ ได้ ขับ เขา ออก นอก วง สังคม.
(1 Kings 17:1) After experiencing the terrible truth of this pronouncement, the king blames Elijah for bringing ostracism upon Israel.
(1 กษัตริย์ 17:1) หลัง จาก ประสบ ความ จริง อัน ร้ายกาจ แห่ง คํา ประกาศ นี้ แล้ว กษัตริย์ โทษ เอลียา ว่า นํา ความ ลําบาก มา สู่ ชาติ ยิศราเอล.
THAT was just one episode in a long and arduous fight for the Christian faith, a struggle that involved family opposition, community ostracism, legal battles, and fierce persecution.
นั่น เป็น เพียง เหตุ การณ์ ครั้ง หนึ่ง ใน ช่วง การ ต่อ สู้ อัน ยาว นาน และ ยาก ลําบาก เพื่อ รักษา ความ เชื่อ ของ คริสเตียน การ ต่อ สู้ อย่าง หนัก เนื่อง จาก ครอบครัว ต่อ ต้าน, การ รังเกียจ เดียด ฉันท์ จาก ชุมชน, การ สู้ คดี, และ การ ข่มเหง ที่ โหด ร้าย.
Ostracized by friends and relatives, he was urged by his wife to “curse God and die!” —Job 2:9; 19:13, 14.
ท่าน ถูก ญาติ มิตร คว่ํา บาตร และ ภรรยา เอง ได้ เร่งเร้า ท่าน ให้ “แช่ง ด่า พระเจ้า ถึง จะ ตาย ก็ ตาย เถิด!”—โยบ 2:9; 19:13, 14.
(Proverbs 11:29a) Achan’s wrongdoing ‘brought ostracism upon him,’ and both he and members of his family were stoned to death.
(สุภาษิต 11:29 ก) การ กระทํา ผิด ของ อาคาน ‘นํา ความ เดือดร้อน สู่ ตัว เอง’ และ ตัว เขา กับ คน ใน ครัว เรือน ถูก หิน ขว้าง ให้ ตาย.
Whereas a “cruel person” suffers ostracism, “a man of loving-kindness is dealing rewardingly with his own soul.”
ใน ขณะ ที่ “คน ดุ ร้าย” ทํา ให้ ตัว เอง เดือดร้อน แต่ “ชาย ผู้ เมตตา ย่อม ทํา ดี ให้ เกิด แก่ วิญญาณ ของ เขา เอง.”
Ahab accuses Elijah of bringing ostracism on Israel, but Elijah boldly tells Ahab: “You and the house of your father have” because of following the Baals. —18:18.
อาฮาบ กล่าวหา เอลียา ว่า นํา การ แช่ง สาป มา สู่ ยิศราเอล แต่ เอลียา ตอบ อาฮาบ อย่าง กล้า หาญ ว่า “ท่าน และ เชื้อ วงศ์ ของ ท่าน ต่าง หาก” เพราะ ติด ตาม พระ บาละ.—18:18, ล. ม.
It has threatened with ostracism, or a living death, any nation or people that does not bow to its authority.
มัน พูด จา ข่มขู่ ชาติ หรือ กลุ่ม ชน ใด ๆ ที่ ไม่ ยอม ก้ม หัว ให้ กับ อํานาจ ของ มัน ด้วย การ ขับ ออก นอก วง.
By personally failing to comply with God’s commandments and by tolerating serious wrongdoing within his family, a man brings ostracism upon his own house.
เมื่อ หัวหน้า ครอบครัว ไม่ ได้ ปฏิบัติ สอดคล้อง กับ ข้อ บัญญัติ ต่าง ๆ ของ พระเจ้า และ ยินยอม ให้ การ กระทํา ผิด ร้ายแรง เกิด ขึ้น ภาย ใน ครอบครัว เขา จึง นํา ความ เดือดร้อน มา สู่ ครอบครัว ของ ตน เอง.
And if we become known for cruel and unforgiving ways, we may bring ostracism upon ourselves.
และ หาก ใคร ๆ รู้ ว่า เรา เป็น คน ใจ ดํา และ ไม่ ให้ อภัย ก็ อาจ เป็น สาเหตุ ให้ ไม่ มี ใคร อยาก คบ ค้า ด้วย.
Agboola was ostracized by some of his friends and relatives when he shunned customs associated with spiritism.
เพื่อน และ ญาติ บาง คน ไม่ ยอม คบหา กับ อักบูลา ด้วย เหตุ ที่ เขา ละ เว้น ธรรมเนียม ประเพณี ที่ เกี่ยว ข้อง กับ ลัทธิ ภูติ ผี ปิศาจ.
It used to be that rude behavior was frowned upon by the community at large, and the perpetrator was ostracized.
แต่ เดิม พฤติกรรม หยาบคาย ไม่ เป็น ที่ ยอม รับ ของ ชุมชน ทั่ว ไป และ ผู้ ประพฤติ เช่น นั้น จะ ถูก อเปหิ.
It's all my fault that Sunbae is being ostracized.
เป็นความผิดของฉันเอง ที่รุ่นพี่ ถูกไล่ออกจากกลุ่ม
Publicly identifying oneself as a follower of Christ meant risking ostracism and even violence.
การ ประกาศ ตัว อย่าง เปิด เผย ว่า เป็น ผู้ ติด ตาม พระ คริสต์ อาจ เสี่ยง ต่อ การ ถูก สังคม คว่ํา บาตร และ ถึง กับ ถูก ทํา ร้าย ได้.
They were then ostracized by former friends, some of whom accused them of going mad because “that Jehovah” does not appear in the Catholic Bible.
ต่อ มา เพื่อน แต่ ก่อน ๆ ตัด ขาด พวก เธอ บาง คน กล่าวหา ว่า เธอ ทั้ง สอง เป็น บ้า ไป แล้ว เพราะ “คํา ว่า พระ ยะโฮวา” ไม่ ปรากฏ ใน คัมภีร์ ไบเบิล ของ คาทอลิก.
As an ancient proverb says: “The cruel person is bringing ostracism upon his own organism.” —Proverbs 11:17.
ดัง ที่ สุภาษิต โบราณ กล่าว ว่า “คน ที่ ดุ ร้าย ย่อม ทํา ความ เดือดร้อน แก่ เนื้อหนัง ของ ตน เอง.”—สุภาษิต 11:17.
The trouble that “brought ostracism” upon Jacob started because Dinah made friends with people who did not love Jehovah.
ปัญหา ที่ ทํา ให้ ยาโคบ “ลําบาก ใจ” เริ่ม ต้น จาก การ ที่ ดีนา ผูก มิตร กับ คน ที่ ไม่ รัก พระ ยะโฮวา.
However, God’s Word condemns pride, and a wise proverb says: “A man of loving-kindness is dealing rewardingly with his own soul, but the cruel person is bringing ostracism upon his own organism.”
อย่าง ไร ก็ ดี พระ วจนะ ของ พระเจ้า ตําหนิ การ ถือ ดี และ คํา พูด อัน คมคาย ก็ ว่า “ชาย ผู้ เมตตา ย่อม ทํา ดี ให้ เกิด แก่ [จิต] วิญญาณ ของ เขา เอง แต่ คน ที่ ดุ ร้าย ย่อม ทํา ความ เดือดร้อน แก่ เนื้อหนัง ของ ตน เอง.”
As for the Cuban government’s view of the pope’s visit, French magazine Le Monde Diplomatique comments: “Fidel Castro regards the visit as a victory over the ostracism to which his regime has been subjected.”
ส่วน ความ เห็น ของ รัฐบาล คิวบา เกี่ยว กับ การ เยือน ของ โปป วารสาร ของ ฝรั่งเศส เลอ มองด์ ดีโปลมาติก ให้ ความ เห็น ว่า “ฟีเดล คาสโตร ถือ ว่า การ เยือน คราว นี้ เป็น ชัย ชนะ เหนือ การ ถูก ขับ ออก จาก หมู่ ซึ่ง ระบบ การ ปกครอง ของ เขา เคย ตก อยู่ ใน สภาพ เช่น นั้น.”
Others have been ostracized by their families.
พยาน ฯ คน อื่น ๆ ถูก ครอบครัว ขับ ออก จาก หมู่ ญาติ ของ เขา.
Some youths have engaged in “cyberbullying” —relentless online teasing, ostracizing, harassing, or threatening.
เยาวชน บาง คน เข้า ร่วม ใน “การ กลั่นแกล้ง ทาง ไซเบอร์” ซึ่ง รวม ไป ถึง การ ล้อเลียน, การ กีด กัน, การ รังควาน, หรือ การ ข่มขู่ อย่าง ไม่ หยุดหย่อน.
As expected, my decision to abandon false religion brought ostracism and hostility from my wife and her family.
เป็น ดัง ที่ คาด ไว้ การ ตัดสิน ใจ ละ ทิ้ง ศาสนา เท็จ ทํา ให้ ภรรยา และ ทาง ฝ่าย ครอบครัว ของ เธอ ตัด ขาด ผม และ แสดง ความ เป็น ปฏิปักษ์.

มาเรียนกันเถอะ ภาษาอังกฤษ

ตอนนี้เมื่อคุณรู้ความหมายของ ostracize ใน ภาษาอังกฤษ มากขึ้นแล้ว คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้คำเหล่านี้ผ่านตัวอย่างที่เลือกไว้และวิธี อ่านแล้วอย่าลืมเรียนรู้คำที่เกี่ยวข้องที่เราแนะนำ เว็บไซต์ของเรามีการปรับปรุงคำศัพท์ใหม่ๆ และตัวอย่างใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้คุณสามารถค้นหาความหมายของคำอื่นๆ ที่คุณไม่ทราบใน ภาษาอังกฤษ

อัปเดตคำของ ภาษาอังกฤษ

คุณรู้จัก ภาษาอังกฤษ ไหม

ภาษาอังกฤษมาจากชนเผ่าดั้งเดิมที่อพยพไปยังอังกฤษและมีวิวัฒนาการมาเป็นเวลากว่า 1,400 ปี ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่พูดมากเป็นอันดับสามของโลก รองจากจีนและสเปน เป็นภาษาที่สองที่มีการเรียนรู้มากที่สุด และภาษาราชการของเกือบ 60 ประเทศอธิปไตย ภาษานี้มีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาที่สองและภาษาต่างประเทศมากกว่าเจ้าของภาษา ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการร่วมของสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และภาษาต่างประเทศอื่น ๆ อีกมากมาย และองค์กรระดับภูมิภาค ปัจจุบัน ผู้พูดภาษาอังกฤษทั่วโลกสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องตัว